ธรรมะ โดยหลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว


เชิญชวนเพิ่มพูนบารมีแห่งคนเต็มคน

เชิญชวนเพิ่มพูนบารมีแห่งคนเต็มคม คนเป็นที่สมบูรณ์ด้วยเนกขัมมบารมี เนกขัมมจาริณี ณ ที่บ้านตนเอง หรือที่วัด ที่ป่าช้า ที่วิปัสสนาสถานที่ธุดงคสถาน ที่วิเวการาม ที่วนาราม ตามแต่จะสะดวก กล่าวคือ ฝึกบวชกาย บวชวาจา บวชจิต บวชวิญญาณ หมายความว่าเป็นการกระทำตนให้ถึงซึ่งความเป็นผู้ประเสริฐ คือ จะคิด จะพูด จะทำอะไรๆ ก็ให้เป็นไปในอารมณ์ที่ดีงาม จิตใจสดใส รุ่งเรืองด้วยสติปัญญา อรรถาธิบายว่า

  1. บวชกาย อันได้แก่ การฝึกอากัปกิริยาต่างๆ ทางตา หู จมูก ลิ้น ทางกาย ด้วยอาการสำรวมระแวดระวังระไว "มีความไม่ประมาททุกเมื่อ" ในกรณีที่มีเสียงกระทบหู มีรูปสีเสียง ภาพต่างๆ กระทบตา มีรสชาติเปรี้ยวหวานกระทบลิ้น มีกลิ่นเหม็นหอมกระทบจมูก มีโผฏฐัพพะเย็นร้อนอ่อนแข็งกระทบกาย โดยขยายความออกมาว่า เพียงสักแต่ว่าธรรมดาของมันเช่นนั้นเอง

  2. บวชวาจา อันได้แก่ เมื่อไม่มีการคะนองกายแล้วก็จักต้องไม่คะนองวาจา แม้ไม่พูดออกไปก็ยังมีการบ่นพึมพำๆ อยู่ในปากในคออยู่นา ก็พึงสำเนียกนึกรู้ไว้ว่า สัมมาวาจา แม้สัมมากรรมมันโต สัมมาอาชีพก็เช่นเดียวกันอยู่ในครรลองเดียว ทำนองเดียวกัน คือ ไม่มีเจตนาเจาะจงบีบคั้น เบียดเบียนใครๆ ให้ได้รับความเดือดร้อนไม่สบายใดๆ คือ ไม่ว่าร้าย ไม่กล่าวร้าย มีแต่พูดจารอมชอมปรองดองสมานสามัคคีในทำนองคลองธรรมอันแฝงด้วยภาษิต สุภาษิต คติธรรม สาระธรรม สาระประโยชน์ที่โปรดตัวเอง โปรดสัตว์ โปรดโลกตามมากตามน้อยตามจังหวะปะเหมาะ ไม่ว่ากันนะ อำนวยความสะดวกให้แก่กันและกันตามมีตามเกิด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความพ้นทุกข์ เพื่อความอยู่สุขสบาย โดยทั่วถึงกันเป็นประการสำคัญ

  3. บวชจิต อันได้แก่ คิดนึก นึกคิด ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจตนเองที่ว่า คิดฟุ้งซ่านมากก็ทุกข์มาก คิดฟุ้งซ่านน้อยก็ทุกข์น้อย คิดฟุ้งซ่านไม่มีแล้วทุกข์จะมีมาแต่ไหนหา ฝึกมุ่งสมาธิจิตเข้าสู่สมาธิธรรม "นะ มะ พะ ทะ เพ่งนิ่งดิ่งแน่ว อิติปิโสภะคะวา สาธุ อนุโมทามิ"

  4. บวชใจ อันได้แก่ "มโนธาตุ" คือตัวใจตัวรู้ รู้คิดเป็นอวิชชาสวะ รู้ไม่ติดรู้เป็นวิชชาโพธิ รู้ทะลุปรุโปร่งเป็นวิชชาวิมุตติ คนที่ติดสมมุติสัจจะ ติดโลกสมมุติ จึงไม่หลุดพ้น หากไม่ติดสมมุติก็หลุดพ้นเป็นช่วงๆ โดยสังเกตุดู ทบทวนดู เฉลียวใจดู ยับยั้งชั่งใจดู สอดส่องดู เลือกเฟ้นดู กลั่นกรองดู แยกแยะดู สำรวจดู ตรวจสอบดู เล็งใจดู หยั่งใจดู ตรองใจดู ใคร่ครวญใจดู ยืนดู นั่งดู เดินดู นอนดู พักจิตเฉย นิ่งดู พักใจนิ่งดู ทำในใจเป็นกลางวางเฉย เพ่งรู้อยู่ เพ่งจี้ดูใจ เพ่งจี้ใจดู รู้เห็นทะลุปรุโปร่งโล่งใจ สมองใส สบายหัว เข้าถึงธรรมชาติกลาง สว่างกลางใจ ได้ด้วยประการฉะนี้แล

  5. บวชวิญญาณ อันได้แก่ ความรู้สึกทางอายตนะ 6 ตามกระแสประสาทสัมผัสทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ที่มีอาการกระทบแต่ไม่กระเทือนใจใดๆ ขยายความว่าเมื่อบำเพ็ญมหาสติครบวงจร ในขบวนการชีวิตใหม่ด้วยเนกขัมบารมี ด้วยกระบวนความคิด ความรู้ ความใส่ใจด้วยอารมณ์ที่ดีงามหรือเอาทำจิตใจเย็นๆ ด้วยประการต่างๆ นาๆ เหล่านั้นตามลำดับขั้นตอนเช่นนั้นๆ เพื่อหลบ หลุดเลื่อน จากอุปาทานนามในนามเข้าสู่ "กายธรรม" หรือวิสังขาร อสังขตะ ครั้นเมื่อบำเพ็ญธรรมบารมีแก่กล้าจากอินทรียธรรม 5 (ศรัทธาคู่ปัญญา สมาธิคู่กับวิริยะ โดยมีมหาสตินําทาง กรุยทางพอกพูนทางสายเอกนี้ ไม่มีอาการเอียงซ้ายขวาหน้าหลังใดๆ คือไม่เสียศูนย์ ไม่เสียความทรงตัว ไม่เสียความสมดุลย์ คงความในใจหยุดนิ่งสงบนิ่งเนี้ยบปิ้งใส) วินิจฉัยดูอีกทีก็คือ มีอาการแห่งความเก่งกล้าสามารถ ถนัดจัดเจน จะแจ้งแทงตลอดรอดฝั่งถึงพลธรรม 5 ทำให้หลบ หลุด เลื่อน จากธรรมดําหรือบาปอกุศล อารมณ์มัวหมอง เศร้าหมอง เร่าร้อน ร้อนไหม้ เข้าสู่ธรรมขาว คือบุญกุศล ประคองสืบต่อ ต่อเนื่อง คงเส้นคงวา เข้าสู่ธรรมไม่ขาวไม่ดำ ทั้งอบทั้งรมด้วยคลื่นกระแสธรรมอยู่ฉะนี้มากๆ บ่อยๆ เนืองๆ พอถึงจังหวะปะเหมาะก็บรรลุสำเร็จลุล่วงจาก กิเลสมาร ขันธมาร ผีห่าซาตาน คู่กรรมคู่เวร ซึ่งมีรัศมีมัวหมอง ผู้ข้องผู้ติดก็หมดอิทธิพลครอบงำยั่วยีใดๆ ถึงไชโยชัยยะชนะไชโย อิติปิโสภะคะวา สาธุอนุโมทามิ สู่ธรรมใสๆ คือธรรมกาย เบาใจ สุขสบาย ฌาน 3 อุเบกขาสุข คือ นิรามิสสูข หรือความสุขที่ไม่อิงอามิสเหยื่อล่อใดๆ เสวยสุขในอาตนะนิพพาน คือ สิ่งธรรมชาติเป็นที่รวมลงของความพ้นทุกข์ใจหรือสิ่งธรรมชาติ เป็นที่รวมลงของแดนที่สิ้นสุดแห่งความพ้นทุกข์ใจ นั่นแลฯ เชื้อเชิญสาธุชนขวนขวายวิเคราะห์เจาะลึกเอาเถิด ของดีนี้นานนักจึงจะมาปรากฏแก่โลก สมสมัย สบสมัย ใหม่เสมอ โอเค ฟัง คิด ถาม บันทึกจดจำ เร่งพิสูจน์ สุ-จิ-ปุ-ลิ-ภา-สุตะ จินตา ปุตฉา ลิขิต ภาวนา ริเริ่ม เร่งรัด รวดเร็ว เรียบร้อย รวบรวม เรียบเรียง รุ่งโรจน์ รํ่ารวย ราบรื่น รื่นเริง บรรเทิงใจ ปราโมทย์ ทางสายเอกที่มีแต่ปิติยินดี อิ่มอก อิ่มใจ ปลื้มอก ปลื้มใจ กระปรี้กระเปร่า เบากาย เบาใจ ซาบซ่านกายใจ พองตัว ลอยตัว ก็เมื่อว่าโดยภาพรวมแล้ว อันการทำใจได้แบบนี้ อันได้แก่การมีอุปนิสัยบารมีแห่งพลธรรม 5 ด้วยอิสระจากวิตก วิจารย์ ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์รวมตัวเป็นหนึ่ง สัจจธรรมย่อมรวมตัวเป็นหนึ่งจริงแท้ฉะนี้ ชื่อว่ามีพระศรีรัตนตรัยแก้วเจ้าทั้งสามอยู่ในใจ สถิตอยู่ในใจเป็นมงคลสูงสุด ก็นี่แลเป็นวิธีขุดขุมทรัพย์อริยะ ประเสริฐกว่าทรัพย์ปุถุชน ถือว่าเกิดมาไม่เสียชาติเกิด บวชมาไม่เสียชาติบวช เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ...

ธรรมะโดย หลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว

เลื่อนขึ้นไป เริ่มต้นบทความนี้




ธรรมะ โดยหลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว


ญาณกีฬาก้าวหน้าเพ่งจี้จี้ 40 จุด

(ในวิสัยทัศน์หรือมุมคิด มุมมอง แนวความคิด วิธีการ แบบไฮเทคซ้อนไฮเทค ไฮโซ ไฮคลาส ไฮไลท์ ไลท์โชว์ ... หากำไรชีวิตอันมีอิทธิบาท 4 จาก สุ-จุ(จิ)-ปุ-ลิ-ภา นะ-มะ-พะ-ทะ เพ่ง-นิ่ง-ดิ่ง-แน่ว ... เพ่งจี้ดูใจ-เพ่งจี้ใจดู)

มีอารมณ์ดีงาม-จิตใจสดใส-เรื่องปัญญา ... รู้ใส่ใจสู่สมาธิธรรม กำหนดนึกรู้ทันท่วงทีที่มีสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ผกผัน ผันผวน ปรวนแปร แปรปรวน ปั่นป่วน รวนเร เรรวน เสื่อมไป หมดไป สิ้นไป ดับไป ในทุกระยะในทุกขณะจิตได้ ใจจดใจจ่อในณานกีฬา 40 จุด ในระบบศีลอันใดสมาธิอันนั้น สมาธิอันใดปัญญาอันนั้น คือธรรมะอริยะมัคคะสมังคี มหาสติ มหาศีล มหาสมาธิ มหาปัญญารวมตัวได้ดี รู้เด็ดเคล็ดลับในหลักการผ่อนพักใจดี๊ดี ... รู้บำเพ็ญขันติอันเป็นตบะอย่างยอด คุณเครื่องประดับของนักปราชญ์อันรักษาผลประโยชน์ไว้ได้ทุกทิศทุกทาง สู้อดสู้ทน ทนอดทนทำ อดทนอดกลั้น มั่นคง นิ่งสงบ สงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัว ไหนๆ ก็จะเล่นจี้จุดก็ใช้สมาธิจิตรวมพลังจี้จี้ลงไป รวมลงดื้ออยู่นานได้ เพ่งจี้จี้จุดอยู่ได้นานให้ครบทุกจุดซิ ... จนกระทั่งถึงความมีมหาสติรู้เท่ารู้ทันว่าใจไม่ไหล คือ อาสวะขยญาณ คือความรู้ใสแจ๋ว ว่างไวหยั่งรู้ หยั่งถึงซึ่งความสิ้นไปแห่งความไหลคือจิตใจลอยสูง ยิ้มได้สบายมาก โดยต่างจากอาสวะกิเลสลอยตํ่า คือจิตใจลอยตํ่าจนอึดมืดบอด มัวหมองเศร้าหมอง ต่างจากอาสวะขยญาณ จิตใจลอยสูง สดใสสดชื่นเบิกบาน ...

จุดเริ่มต้น "ญาณกีฬา 40 จุด" เป็นไฉน ดังนี้ คือ

1
เพ่งจี้จี้ตรงจุดริมฝีปากเบื้องบน
2
เพ่งจี้จี้ตรงจุดจงอยจมูก
3
เพ่งจี้จี้ตรงจุดในโพลงจมูก
4
เพ่งจี้จี้ตรงกลางระหว่างคิ้วซ้ายขวา
5
เพ่งจี้จี้ตรงกลางกระหม่อม
6
เพ่งจี้จี้ตรงจุดกึ่งกลางในโพลงกระโหลกหัว
7
เพ่งจี้จี้ตรงกลางลำคอ
8
เพ่งจี้จี้ตรงกลางหัวนมซ้าย
9
เพ่งจี้จี้ตรงกลางหัวนมขวา
10
เพ่งจี้จี้ตรงจุดเต้านมซ้าย
11
เพ่งจี้จี้ตรงจุดเต้านมขวา
12
เพ่งจี้จี้ตรงจุดลิ้นปี่ซ้ายขวา
13
เพ่งจี้จี้ตรงจุดกระดูกหน้าอก
14
เพ่งจี้จี้ตรงกลางรูสะดือ
15
เพ่งจี้จี้ตรงใต้สะดือลงไป 2 นิ้ว
16
เพ่งจี้จี้ตรงเหนือสะดือขึ้นไป 2 นิ้ว
17
เพ่งจี้จี้ตรงกลางกระดูกสันหลัง
18.-19
เพ่งจี้จี้ตรงกลางสบักหลังซ้ายและขวา
20
ตรงจุดกลางท้ายทอย
21.-22
ตรงจุดกลางหัวไหล่ซ้ายและขวา
23
ตรงจุดกลางก้นกบ
24.-25
ตรงจุดกลางตะโพกซ้ายและขวา
26.-27
ตรงจุดกลางหัวเข่าซ้ายและขวา
28.-29
ตรงจุดตาตุ่มด้านในซ้ายและขวา
30.-31
ตรงจุดตาตุ่มด้านนอกซ้ายและขวา
32.-33
ตรงจุดกลางอุ้งเท้าซ้ายและขวา
34.-35
ตรงจุดกลางหลังเท้าซ้ายและขวา
36.-37
ตรงจุดกลางอุ้งมือซ้ายและขวา
38.-39
ตรงจุดกลางหลังมือซ้ายและขวา
40
เพ่งจี้จี้ตรงกลางลิ้นปี่ นิ่งดิ่งแน่วจริงๆ และแล้วพลังกระแสสมาธิจิต มารวมลงที่ตรงรูสะดือและเหนือสะดือสองนิ้ว ดิ่งแน่วจริงๆ โดยวนเวียน เพ่งนิ่งดิ่งแน่วอยู่ตรงสองจุดนั้นแหละ อันเป็นทางสำหรับ หลบหลุดเลื่อน จากรูปกาย เข้าสู่นามกาย (จากกายเนื้อหนังเข้าสู่กายทิพย์) ประคองใจ นิ่งเนี๊ยบปิ๊ง ดิ่งเข้าสู่ปฐมจิต จิตเดิม จิตเดิมแท้ จิตประภัสสร (ธรรมใสฯ) "กายธรรม" (วิสังขาร-อสังขตะ) สู่ฌานวิถี-อริยวิถี ธรรมกาย ขบวนการชีวิตใหม่ สภาพคล่องการคล่องงานทางจิตทางใจ โดยกระบวนการจำเริญ "มหาสติครบวงจร" ที่รู้รอบรอบรู้ รู้ครบวงจร รู้ทันเกมส์ รู้ทันอารมณ์ รู้เขารู้เราในการเปรียบเทียบ เทียบเคียง ซึ่งกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังพรรคพวก กำลังเครื่องมืออุปกรณ์ กำลังศิลปชั้นเชิง กำลังความรู้ กำลังความคิดอ่าน กำลังสติปัญญา ในวิสัยทัศน์ มุมมอง มุมคิด แนวความคิด รู้เคล็ดลับวิธีกาทั้งรช(รส)พรสวรรค์และพรแสวง ที่มีสาเหตุมาจากการหันหน้าออกไปดูข้างนอก หันใจออกไปดูข้างนอกพร้อมกับหันหน้ามาดูใจ หันใจมาดูจิตคิด ใจรู้ วิญญาณรู้สึกอย่างอิสระ อิสระภาพวิเศษภายใน โดยรู้ไม่ติดรู้ คือ วิชชาโพธิและรู้ทะลุปรุโปร่ง คือวิชชาวิมุตติ ก็กระบวนการเหล่านี้นี่แลที่เรียกว่า "วิสัยทัศน์อริยะ" แห่งศาสนาอริยะอุทธิ (ศาสนาสากล) ไชโย ชัยยะ ถึงชนะก็ไชโย อิติปิโส ภะคะวา สาธุ อนุโมทามิ (มีฉันทะ ให้ความพอใจ สนใจดู ... มีวิริยะ-พากเพียรพยายามดู ตั้งใจอุตสาหะบากบั่นให้ต่อเนื่อง มุมานะ เอาจริงเอาจังดู ... มีจิตตะ-ใฝ่รู้ใฝ่สูง ใฝ่ใจดู ใจจด ใจจ่อ จดจ้องมองดู เพ่งจี้จี้ใจดู เพ่งจี้จี้ดูใจ รู้เห็นทะลุปรุโปร่งโล่งใจ สมองใส สบายหัว สาธุอนุโมทามิ ตรวจดูความประพฤติกระทำ-ปฏิปทาญาณทัสสนะวิสุทธิอยู่ฉะนี้บ่อยๆ เนื่องๆ ตรวจสอบ ทบทวน ตรวจทานซ้ำแล้วซํ้าอีกมากๆ จนกระทั่งชำนาญ เก่งกาจ (มีทักษะอาการแห่งความเก่งสาธุ เฮงๆๆๆๆ ปฏิบัติกระทำดู ให้ต่อเนื่องสมถะภาวนาบวกวิปัสสนาภาวนา ด้วยมหาสติมหาศรัทธา มหาทาน มหาศีล มหาวิริยะ มหาสมาธิ จนกระทั่งโชกโชน ชํ่าชอง จัดแจ้ง จริงจัง จากใจจริง ... จากใจหยาบ หลบหลุดเลื่อนเข้าสู่ใจที่ละเอียด ละเอียดกว่า ละเอียดมาก ละเอียดที่สุดสู่ เจโตวิมุติ-ปัญญาวิมุติ สุดสดใส เย็นฉํ่าถึงธรรมชาติกลางใจ สว่างกลางใจ ทุกที่ใจไม่มี ใจทุกข์ไม่เป็น ใจไม่กระเพื่อม ไม่โยกโคลง ไม่หวั่นไว(ไหว) ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน ไม่เศร้าหมองหรืออินทรีย์ผ่องใส เบาใจ สุขสบาย ยิ้มได้สบายมากแบบสุดๆ เป็นศิริมงคลแก่ตนแก่คนทั้งหลายทุกรูปทุกนาม อย่าลืมภาษิตที่ว่า "รู้แก้ไขใจก้าวหน้า" ดึงใจกลับมาก่อน ผ่อนพักใจเถอะนะคนดี สังเกตุดู เฉลียวใจดู ยับยั้งชั่งใจดู หยุดใจดู นิ่งใจดู สงบใจดู .......

ธรรมะโดย หลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว

เลื่อนขึ้นไป เริ่มต้นบทความนี้




ธรรมะ โดยหลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว


เพ่งนิ่งดิ่งแน่ว นะมะพะทะ อิติปิโสภะคะวา สาธุ อนุโมทามิ

ดูซิดู มีหลายผู้คนต่างวิธีชีวิต ทั้งยากจนและมั่งมี หรือในวิธีผู้คนที่ลุ่มๆ ดอนๆ และคล่องตัว ราบรื่น หลายชาติ หลายภาษา เท่าที่รู้มาจากวิสัยทัศน์หรือมุมคิด มุมมอง ตามแนวคิด วิธีการแบบสุกเอาเผากิน แบบมักง่าย เอากันง่ายๆ ไม่ยาก หรือแบบพิถีพิถันละเอียดละออ แบบมีชั้นเชิงสูง เหลี่ยมพรายมาก ที่คนเก่งจริงเขาทำกันนะ ในคำว่า "อัตตา กามา" อันไม่พ้นคำของนักปราชญ์รัตนโกสินทร์กล่าวเปรียบเปรยว่า "อดข้าวหรอกชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดสิเน่หา (เสน่หา)" ถ้าจะว่าไปแล้ว ตามวิสัยทัศน์ในโลกโลกาภิวัฒน์ ที่มีการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เป็นอยู่เป็นไป แบบผสมผสานซึ่งกันและกัน ด้วยเสรีธัมมาธิปไตยยุคไฮเทค ไฮโซ ไฮคลาส ไฮไลท์ ในโลกปริทรรศน์ มโนปริทรรศน์ ทัศนคติที่มืดสลัวๆ หรือกระจ่างใสในมุมแคบและมุมกว้าง แบบนิพพานชิมลอง หรืออายตนะนิพพาน โดยจำแนกแจกแจงอธิบายออกมาว่า กามมีคุณน้อย มีโทษมาก ที่เรียกเต็มๆ ว่า "กามคุณ" หรือกามคุณอารมณ์ 5 ซึ่งเป็นความใคร่ กำหนัดยินดี ที่มีรูปสีแสงกระทบตาอันสวยๆ งาม เสียงกระทบหู อันไพเราะเพราะพริ้งเสนาะหู กลิ่นกระทบจมูก อันหอมหวลชวนดม น่าสูดดม รสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มกระทบลิ้น อันน่าเลียน่าดูดน่าดื่ม และโผฏฐัพพารมณ์ คือเย็นร้อนอ่อนแข็งกระทบกาย ชนิดรุนแรงหรือแผ่วเบา ที่น่าลูบไล้ น่าสัมผัส น่าคลอเคลีย น่าจูบ น่าคลำ น่าล้วง น่าเสียว น่าสยิว อันจักทำให้อารมณ์ปั่นป่วนรัญจวลใจ หื่นกระหาย หัวใจคึกคักตื่นเต้น กระปรี้กระเปร่ง ซาบซ่าน มีชีวิตชีวาดีขึ้น ในแต่ละล้วงก็เป็นแต่อารมณ์ชั่ววูบชั่วแล่น ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นเอง ไม่จริงไม่จังอะไรหร๊อก จะบอกให้ ผลออกมาที่แท้ก็คือ ความระโหยโรยแรง อ่อนเพลีย เมื่อยล้า เพลียกายเพลียใจ ระเหี่ยเพลียจิตอ่อนใจ ผลนานไปก็ไม่วายที่ขัดใจกัน ไม่ยอมเสนอสนองตามความต้องการ มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่เป็นอันกินอันนอน มีเหตุผลที่ไม่ลงกันหลายอย่างหลายประการ และแล้ววิถีชีวิตที่ไม่ยอมลงรอยเดียวกันก็พัง บ้านแตกสาแหรกขาด หรือไม่ก็แอบสวมเขาให้กันและกัน เขาเทียม เขาปลอม เขาเก๊ เขาหลอก เขาลวง ผลที่สุดก็มีข่าวลือแพร่ระบาดไม่เว้นแต่ละวัน เป็นขี้ปากสังคม ข่าวกระซิบหรือข่าวโคมลอย พัดกระพืออึงคะนึง คือมีผลแตกหักออกมา หาว่าเขาว่า ก็เขาว่าเขาอะไรไม่รู้ เขาวัว เขาควาย เขากระทิง เขาแรด โดยถูกเสี้ยมเขาให้ชนกัน หากเกิดเคราะห์หามยามร้าย โดนผีเข้าผีออก มึงว่าพาโวย ขึ้นกูขึ้นมึง ขึ้นเข่าลงศอก เอะอะมะเทิ่ง มึงกู หนวกหูรำคาญทนไม่ไหว ขันติกลายเป็นขันแตก ชกต่อยคบตี ระบมชอกชํ้า มีข้าวของแตกกระจาย แยกทางเดิน แบ่งลูกแบ่งเต้า แบ่งข้าวแบ่งของ หย่าร้างกันตามระเบียบ อิดหนาระอาใจ ตอนข้าวใหม่ปลามัน ก็ว่าดี๊ดี พอข่าวเก่าปลาเค็ม ก็ว่าไม่ดี คั้นถึงวาระอยู่ด้วยกันมานาน ก็เหม็นขี้ฟันเหม็นขี้หน้า ข้าวบูดปลาเน่า ก็เซ็ง เจอแต่ซวยลูกเดียว ไม่มีชีวิตชีวาอะไรหลงเหลืออยู่อีกแล้ว โซซัด โซเซ เซกู๊ดบาย ไม่หวนกลับมาหากันอีก เข็ดจนตาย มีแต่พิษโทษ โรคภัยเต็มไปหมด อันทำให้เสียความรู้สึก หมดอาลัยตายอยาก หมดเยื่อใย หมดสัมพันธไมตรี ไม่มีอาวรณ์อะไรอีกแล้ว พอกันที ลด ละ เลิก ดีกว่ามีแต่ทุกข์ มีแต่ปัญหา เป็นบ่อเกิดแห่งสารพัดสารพันของกิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปดในอายตนะ 12 เลยอายตนะ 12 ดีกว่า คืออายตนะนิพพานสดใส ไร้กังวล ไร้มลพิษทางใจ ซึ่งเป็นธรรมชาติในทางสายเอก โดยไม่ใช่ทางสุดโต่งของ "อัตตา กามา" อย่างเด็ดขาด ทางสายเอกนี้เป็นเรื่องของความจีรังยั่งยืน เที่ยงแท้แน่นอน ไม่โกหกหลอกลวง ไม่มีมายายี ไม่มีมายาวีนะเออ จะบอกให้ ติดตามดูสิดู ดูดีดี รู้จักแบ่งเวลาดู อันว่าด้วยสารพันทุกข์ สารพันปัญหา ที่มีที่ไปของมันมีนะ สาเหตุเริ่มแรกมันอยู่ที่ความสำคัญผิด เข้าใจผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด หากห้ามพูด ห้ามทำ ยิ่งว่าอย่าก็เหมือนยิ่งยุ ยิ่งห้ามก็ยิ่งไปกันใหญ่ ถ้าสำคัญถูกก็เข้าใจถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก อะไรๆ ก็ขึ้นอยู่ที่จุดเริ่มนะ เริ่มต้นดีก็ได้ฟรีไปครึ่งหนึ่งแล้ว และเพิ่มเติมพอกพูนต่อเติมขึ้นอีกเล็กน้อย ก็ลอยตัวหายห่วย(ห่วง) แม้ว่าเริ่มต้นไม่ดี ก็พลอยเสียฟรีไปครึ่งหนึ่งแล้ว และเพียงเศษครึ่งที่เหลือ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ครบครึ่ง ไม่มีทาง สิ้นหวังที่จะสำเร็จ อันการที่จะบรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ สู่จุดมุ่งหมายคลายเครียดได้ ปล่อยวางภาระที่หนักใจลงได้ทันกาลทันเวลา อันกระชับ ฉับไว เที่ยวตรง มีมหาสติดำรงมั่น ตรงแน่วในแนวทางอริยะ ฌานอริยะ ฌานวิถี อริยะวิถี หันหน้าไปดูข้างนอก พร้อมหันหน้ามาดูใจ หันใจมาดูใจ เท่าทันกันน่ะ โดยประคองจิตใจอยู่ที่ธรรมชาติ กลางใจ สว่างกลางใจ รักษาใจ รอดเป็นยอดดี สงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัว ระลึกได้ รำลึกอยู่ สังเกตุใจดู หยุดใจดู ระลึกรู้ รำลึกอยู่ เฉลียวใจดู สำนึกรู้ สำนึกตัว นิ่งใจดู ยับยั้งชั่งใจดู เปรียบเทียบ เทียบเคียงดู สงบใจดู ดูความเหมือนและความต่าง ผ่านทางต่างๆ ถึงทางเหมือนมายา เมื่อเลอะเลือนเสื่อมลับไป รู้เห็นแล้ว ความจริงอันจริงแท้ มีอยู่แน่เป็นแก่นแก้ว ทำใจให้แน่แน่ว ใจแน่วแน่ รู้แท้จริง รู้พยุงจิต จริงใจ ชื่นชม สมฤทัย ในภาวะจิตใจที่เข้มแข็ง หนักแน่น มั่นคง เยือกเย็น เด็ดเดี่ยว ไม่หวั่นไหว อยู่ในอารมณ์ดี อารมณ์เดียว อารมณ์อันสูงส่ง มีความสดใสอยู่ภายใน เสวยความสุขด้วยนามกาย ทิพยกาย ธรรมกาย แผ่ส่วนบุญอริยะ กุศลอริยะ ถึงพ่อแม่พี่น้อง ครูบาอาจารย์ ปู่ย่าตายาย ลุงป้าน้าอา ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ทั้งหมดทั้งสิ้น พร้อมทั้งเจ้ากรรมนายเวรนางเวร คู่กรรมคู่เวร ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต เทอญ .........

ธรรมะโดย หลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว

เลื่อนขึ้นไป เริ่มต้นบทความนี้




ธรรมะ โดยหลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว


ปัญหา ถาม - ตอบ ยุคไฮเทค

ก็มีอย่างนี้เหมือนกัน ลองติดตามดูวิธีรู้แก้ไข-ใจก้าวหน้า (อีหนูมันถามว่า ... ตามลิขิตลงเวลา 18 น. 10 นาที ความว่า

กราบหลวงพ่อ "ตุ๊เจ้าเสือดาว" ที่เคารพ หนูอยากถามหลวงพ่อว่า ทำไม บางเวลาเราจึงเหงา เหงามากๆ อย่าง(อยาก)มีเพื่อน-เพื่อนจริงๆ ที่รู้ใจ ไม่ใช่คนรัก เพราะหนูรู้ว่า ความรักมีทุกข์มาก อนึ่ง เพื่อนในที่นี้ หมายความว่า "เข้าใจเรา" จะอยู่ในเพศไหน หรืออายุเท่าไหร่ ไม่สำคัญ คือบางทีอยากให้มีใครสักคน ห่วงใยเรา รู้จักให้กำลังใจ เวลาเราทุกข์ หรือมีปัญหาอะไรที่เราจะพูดกับเพื่อนอย่างนี้ได้ทุกอย่าง หรือเราเจ็บป่วย คอยห่วงใยบ้าง ไม่ถึงกับต้องมาเอาใจ เพียงแต่ถามบ้าง หลวงพ่อค่ะ อารมณ์อย่างนี้เป็นอย่างไรค่ะ เพราะมันเกิดกับหนูนานมากแล้ว แต่ไม่เคยเจอเพื่อนอย่างที่บอกเลย หลวงพ่อช่วยอธิบายให้หนูหน่อยนะคะ เพราะค้างใจมานานแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ สาธุ อนุโมทามิ

ขอตอบว่า "ปัญหาโลกแตก" นะอีหนูเอ๊ย แท้ที่จริงแล้ว เมื่อจะว่าไปจริงนั้น ทุกคนในโลก หรือผู้ที่ยังข้องยังติดอยู่กับโลกลงมารายนี้แล้ว เชื่อเถอะก็หัวใจเดียวกันทั้งนั้น จนกว่าจะเข้า "ฌานหรือสมาธิจิต สมาธิธรรมเข้มดิ่งแน่ว เย็นใจใสแจ๋ว" ได้ธรรมคุณ ถึงคุณธรรมแท้ตลอดเวลา เท่านั้นแหละอีหนู ก็จะไร้กังวล ตามที่อีหนูสาธยายเป็นคุ้งเป็นแควยืดยาว อนึ่ง ยิ่งสังคมพิการ แวดล้อมด้วยยาบ้าทั่วไปหมดตามหน้าข่าว ในระบบอินเตอร์เนต อันมีรูปสีแสงเสียง มีภาพประกอบ เขย่าจอ ดิ้นได้ตามจังหวะต่างๆ พลิกแพลงในสารพัดท่า ลีลายั่วขันธมาร แม้ในศัตรูหมู่มาร กิเลสมาร ผีห่าซาตาน เจ้ากรรมนายเวรนางเวร คู่กรรมคู่เวร ทั้งในโลกมนุษย์แลโลกทิพย์ก็ไม่มีเว้น ก็ติดยึดรูปนามขันธ์ห้านี้ สมแล้วที่จอมศาสดาเอก เปร่งพระสุรสีหนาทประกาศก้องโลกมานานร่วม 2600 ปีมาแลัวว่า "ทุกข์เป็นมหันตภัยในโลก ก็รูปนามขันธ์ห้านะแหละตัวแสบตัวก้อนทุกข์ ก็อยู่ดีไม่ว่าดี อวดดีไปแกว่งเท้าหาเสี้ยน หาเหามาใส่หัวเองนี่นา จริงไหมจ๊ะ เป็นเพราะมีสาเหตุที่ปล่อยใจไหลหลงลงสู่คลื่นกระแสอุปาทานตัวทุกข์แท้ๆ เชียว อย่างว่าน่ะแหละไอ้หนู อีหนูเอ๊ย คิดมากทุกข์มาก คิดน้อยทุกข์น้อย กล่าวคือ คิดฟุ้งซ่านมากทุกข์มาก คิดฟุ้งซ่านน้อยทุกข์น้อย ไม่คิดฟุ้งซ่านเลยก็ไม่ต้องทุกข์เลย จริงอ๊ะเปล่า แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ มันก็จำต้องดิ้นรนสืบต่อไปซินะ ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ โปรดอย่าลืมซิจ๊ะว่าคลื่นกระแสอารมณ์ที่มัวหมอง เศร้าหมอง ที่ยุแหย่ชักนำจิตใจวิญญาณให้มัวหมองเศร้าหมอง เหล่านี้นั้นที่ทางพระทางศาสนาเรียกชื่อมันว่า "พวกกิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด" ที่มันมากระทบสัมผัส กระตุ้นรบเร้าอายตนะ 6 ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ หรืออายตนะ 12 แห่งความมีสามัญญลักษณะ หรือไตรลักษณ์อนิจจังทุกขังอนัตตา ที่ปุถุชนอันธพาล ไม่มีทักษะในความรู้แจ้งเห็นแจ้งใดๆ เลย แต่ปุถุชนบัณฑิตพอมีสิทธิ์ในแง่มุมหลากหลาย ที่มีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี ได้อยู่ในฐานะที่ยังมีความใฝ่รู้ใฝ่สูง ที่มากไปด้วยการคบหาสมาคมกับคนดี คิดดีพูดดีทำดี อย่างต่อเนื่อง ที่มีหัวใจแห่งการฟังคิดถาม บันทึกจดจำเร่งพิสูจน์ ริเริ่ม เร่งรัด รวมเร็ว(รวดเร็ว) เรียบร้อย รวบรวม เรียบเรียง รุ่งโรจน์ รํ่ารวย ราบรื่น รื่นเริง บันเทิงใจ ไร้กังวล ก็ทิศทางดำเนินชีวิตแบบนี้นี่แล ที่มีตัวใจ (มโน ล้วนๆ) เป็นตัวรู้ ถ้ารู้ติดรู้ ก็เป็นฝ่ายมืดบอด มืดแปดด้าน คือ "อวิชชาสวะ" แต่หากรู้ไม่ติดรู้ คือ "วิชชาโพธิ" มาตรว่าจำเริญมหาสติรู้รอบ รอบรู้ รู้ครบวงจรมากๆ บ่อยๆ จนกระทั่งรู้ทะลุปรุโปร่ง นิ้งเนี้ยบปิ๊งใสไปเลย คือวิชชาวิมุตติ มีโยนิโสมะนะสิการ อันหมายความว่า การทำใจ การใส่ใจ การทำในใจด้วยอุบายที่แยบคาย คือรู้แก้ไข ใจก้าวหน้า ต่อจากปุถุชนบัณฑิตหลบหลุดเลื่อนขึ้นสู่ "กัลยาณปุถุชน" และอีกประการหนึ่งอันบุคคลผู้ใฝ่รู้ใฝ่สูงมีความเชื่อมั่น มั่นใจจะแจ้งจริงๆ แล้วว่า "กระบวนความแห่งรูปนามขันธ์ห้า" ล้วนแล้วแต่เป็นภาระเรื่องที่หนักใจเน้อ ที่พวกคนเขลามัวเมาหมกอยู่แต่พวกผู้รู้หาข้องอยู่ไม่ ผู้ใดจักสำรวมระวังจิต ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร นั่นเป็นทางบรรลุถึง "อริยะธรรม อริยะชน" สำเร็จล่วงลุถึง "กายธรรม ธรรมกาย" นั่นแหละขบวนการชีวิตใหม่แห่งการรู้จักตัวเองดีจริงที่รู้จักดูตัวเองออก บอกใจตัวเองได้ ใช้ใจตัวเองเป็น พึ่งใจตัวเองได้ ที่รู้จักหลบจากรูปกาย หลุดเข้าสู่นามกายและเลื่อนขึ้นสู่ธรรมกาย กายธรรมคือวิสังขาร อสังขตะ อยู่ได้ด้วยโลกุตระปัญญา คือเสริมทักษะด้วย "ธัมมาธิปไตย" หรือเป็นคนเก่งเสียอย่างก็สบายไปแปดอย่าง ฉันใดก็ฉันนี้ นั่นแล ก็คนเก่งพึ่งความสามารถจากใจตนเองได้จากการมีดวงตาเห็นธรรม เห็นจริงเห็นจังตามนี้ การเอาใจใส่ใน "คุณธรรมนำความรู้ตาม" ฉะนี้เป็นมงคลสูงสุด เป็นผู้ประเสริฐทุกวัน กิริยา ปฏิกิริยาแบบนี้ จำปรารถนาในที่ทั้งปวง อารมณ์ดีงาม จิตใจสดใส เรืองปัญญาในชีวิตประจำวันอยู่อย่างสม่ำเสมอไม่ขาด ทุกระยะทุกขณะจิตได้ก็ถึงธรรมแท้เป็นที่พึ่งที่ระลึกสำนึกรู้ในจิตวิทยาชั้นสูง จิตวิทยาอริยะในชีวิตประจำวันได้ ก็ย่อมมีความผาสุขทุกวัน แม้อยู่ในท่ามกลางกองทุกข์กองกิเลส ก็ย่อมอยู่เย็นเป็นสุขได้ ไม่มีปัญหา ไม่ว่ามีก็เบาใจ ไม่หนักใจดอก(หรอก) จากร้อนก็กลับกลายเป็นเย็น จากเศร้าหมองก็เป็นสดใส จากมืดใจก็เป็นสว่างใจ จากโง่ก็เป็นฉลาดเฉลียวทันคนดี รู้ทันคน รู้ทันโลก ทันเกมส์ ทันอารมณ์ หยั่งรู้กำลังทรัพย์ กำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิดสติปัญญา พรรคพวกวาสนาบารมี .........

ธรรมะโดย หลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว

เลื่อนขึ้นไป เริ่มต้นบทความนี้




ธรรมะ โดยหลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว


โปรยปรายอธิบายหมายเหตุ ลีลาธรรมะไฮเทค

บรรจงคิด บรรเลงเขียน บรรเจิดจ้าไฮโซ ไฮคลาส ไฮไลท์ ประดามีข้อคิดความเห็น ข้อติติง ท้วงติง ทักท้วง ข้อที่น่าสังเกตุ กิริยาปฏิกริยาที่ผิดสังเกตุน่าจับตามอง สอดส่องดู เลือกเฟ้นดู กลั่นกรองดูในชั้นเชิงศิลปะอันซ่อนเร้นหรือสิ่งเร้นลับสลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อนศิลปะอริยะที่แฝงอยู่ประปรายหลายๆ แห่ง ที่ซ่อนแง่คิด มุมมอง ส่องให้รู้เห็นและสรรหามาขบคิด ตีความ หาดูความลึกซึ้งอันมีความหมายซึ้งใจ ไขปัญหา ต่างกรรมต่างวาระ จะได้เร็วได้ช้าขึ้นอยู่ที่จังหวะปะเหมาะของมัน สัมผัสนอกสัมผัสในคล้องจองสอดคล้องกันดี้ดี กลมกลืนกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวนะจ๊ะ ไม่ขวางโลก ไม่ขวางธรรม ใคร-ไปรอด-ไม่ต้องจอด-ไปเลยชื่นฉํ่าอุรา ด้วยกระบวนคุณค่าทางความคิด ค้นคว้าวิจัย ก่อเกิดอารมณ์ดีงาม จิตใจสดใส เรื่องปัญหา ประเทืองปัญญา ใสกระจ่าง สว่างกลางใจ ไร้มลพิษทางใจ ไร้มลพิษแบบโลกุตระวิสัย คือเป็นไปแบบเหนือทุกข์เหนือปัญหาอันไหลมาท่วมใจไม่ได้เลย พักเฉยจิตแน่ว ตามแนวทางจอมอริยะศาสดาเอกของโลก พระผู้นำทางสันติชี้ทางบรรเทาทุกข์ ชี้สุขเกษมศานต์ ชี้ทางมหานฤพานอันพ้นโศกวิโยกภัย ขอน้อมจิตคิดน้อมใจคารวะนมัสการตามรอยพระยุคลบาทพระบรมศาสดาจารย์ บรมครูแห่งครูทั้งปวง คือผู้มีจิตใจหนักแน่นในทางคุณธรรม เป็นผู้นำทางจิตใจวิญญาณ กล่าวคือเป็นผู้นำทางความคิด ความนึก ความอ่าน ความรู้สึก ไปสู่ความสะอาด สว่างใจ สดใส สงบเย็น เห็นสันติ นิรันดร บทแผ่ฤทธิ์เดชธรรมานุภาพ "สวดศรีมหามนต์ภาวนา มหาสิริมงคลปัญญาชนแบบไทยไท" ด้วยจิตตานุภาพ สันติภาพ อาบชีวิตจิตใจไว้ได้ คือริเริ่ม เร่งรัด รวดเร็ว เรียบร้อย รวบรวม เรียบเรียง รุ่งโรจน์ ร่ำรวย ราบรื่น รื่นเริงบันเทิงใจ ไชโย ไร้กังวล สนใจไหมเนี่ย คือคุณธรรมนำ-ความรู้ตาม กล่าวคือความรู้แก้ทุกข์กายสติปัญญาแก้ทุกใจ รู้เท่าทันต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าขณะจิตปัจจุบัน รู้แก้ไข ใจก้าวหน้า ที่ดีกว่าเก่านะ จากปุถุชนอันธพาลขึ้นสู่ปุถุชนบัณฑิตและเลื่อนขึ้นเป็นกัลยาณปุถุชนแล้วแปรสภาพทางใจเป็นอริยะชน โดยมีมหาสติ มหาศีล มหาสมาธิ มหาปัญญา ช่วยพยุงจิตจรุง(พยุง)ใจ ชื่นชมสมฤทัย ตกลงตัดสินใจว่า ได้ความเป็นคนเต็มคน คนเป็นที่สมบูรณ์โดยจำเริญบริกรรมมหาสติครบวงจร ฝึกหัดฝึกฝน สู้ทนหนุนส่ง พอกพูนทางอริยะทรัพย์ โปรดตนเอง โปรดสัตว์ โปรดโลก ในสังคมครอบครัวและสังคมโลกกว้าง อันมีมหาสติในกายเวทนาจิตธรรม ที่ช่วยเชื่อมโยงต่อเนื่องถึงกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ในทุกอิริยาบถน้อยใหญ่ ทั้งอากัปกิริยานานา อาทิเช่น ยืน เดิน นั่ง นอน เหยียดออก คู้เข้า ยกมือ ยกแขน ยกแข้ง ยกขา ยกเท้า เท้าย่าง เท้าเหยียบ กย(?)ส้น ยกขึ้น ย่าง ลง ถูก กด แม้แต่ก้มหน้า เงยหน้า เหลียวซ้ายแลขวา เดินหน้า ถอยหลัง แกว่งแขนซ้ายขวา เท้าขวาเดิน เท้าซ้ายเดิน หรือขยับเขยื้อน เคลื่อนย้ายท่าไหนๆ ก็ดีก็พึ่งพิงการจำเริญมหาสติครบวงจร ซึ่งทันต่อเหตุการณ์ รู้ทันรู้เท่า อันได้แก่ "ระลึกได้ รำลึกถึง ระลึกรู้ รำลึกอยู่ สังเกตุดู เฉลียวใจดู สำนึกรู้ ยับยั้งชั่งใจดู หยุดใจดู นิ่งใจดู สงบจิตดู รู้สึกตัวทั่วพร้อม รู้ทั่วรู้พร้อม ดูไม่ติด ดูไปเรื่องๆ(เรื่อยๆ) รู้ไม่ติดรู้ รู้ไปเรื่อยๆ รู้ต่อเนื่องไปเรื่องๆ(เรื่อยๆ) ไม่มีอุปาทานโน้มถ่วงสิ่งใดๆ ไว้ในใจ ไม่ยอมย้อมจิตติดยึดอยู่ในสิ่งใดๆ ทำในใจไว้ดีๆ ประคองใจไว้เป็นกลางๆ คงเส้นคงวา เสมอต้นเสมอปลาย หาดูใจให้เจอทุกลมเข้าออกสมํ่าเสมอ มีนํ้าอดนํ้าทนหล่อเลี้ยงจิตใจไว้ทุกเมื่อ และมหาสติอยู่ฉะนี้ จำปรารถนาในที่ทั้งปวง" การจำเริญมหาสติครบวงจรชั้นใส สว่างกลางใจ กลางธรรมชาติ อิสระภาพวิเศษภายใน อิสระภาพภายในวิเศษ ที่แสนปลอดโปร่ง โล่งใจ สมองใส สบายหัว ยิ้มออก ยิ้มได้ เบาใจ สุขสบาย พ้นจากบ่วงแห่งมาร พญามาร ผีห่าซาตาน ขันธมาร กิเลสมาร ทุกประการ พ้นสรรพเคราะห์เสนียดจัญไร พ้นสรรพภัยกรรมเวรในทุกคํ่าทุกเช้า ทุกวันทุกคืน ทุกวันทุกเดือนทุกปี ทุกจักรราศี พ้นทุกข์พ้นโศก พ้นโรค ทั้งกายใจ ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่ปราศจากพิษโทษโรคใจ จากหนักเป็นเบา มลายหายสิ้น แม้อุบัติเหตุมนต์ดำคุณไสย อุบาทว์ชั่วร้าย ทุกชนิดทุกทิศทุกทาง แม้ความวิปริตอาถรรย์อัปปมงคลอันตรายใดๆ ทั้งภายในทั้งภายนอก โอมเพี้ยง ! สะเดาะเคาะออก ขอนอบน้อมสุดเศียรเกล้า ขอกราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยแก้วเจ้าทั้งสาม ขอได้โปรดดลบันดาลด้วยมหามนต์ภายนา(ภาวนา)นี้ โอมเพี้ยง พุทโธถอน ธัมโมถอน สังโฆถอน พุทโธปัด ธัมโมปัด สังโฆปัด, แม้สรรพสิ่งที่เป็นมงคลทั้งปวง สรรพสิ่งที่นำมาซึ่งความรํ่ารวยเลิศล้น แห่งความสุขกายสบายใจ ความเจริญดี เจริญฌาน ขออาราธนาพุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา พระพุทธเจ้าย่างบาท อิติปิโสภะคะวา สาธุ สาธุ สาธุ สวัสดี สบายดี ข้าพระเจ้าทั้งหลายขอนอบน้อม เพื่อบำเพ็ญทานบารมีธรรม ที่จักพึงก่อเกิดมรรคสำเร็จผล บรรลุถึงอายตนะนิพพาน คือสิ่งธรรมชาติ เป็นที่รวมลงของความพ้นทุกข์กาย ทุกข์ใจ อิสระจากรูปนามขันธ์ห้า อิสระจากธรรมดำธรรมขาว ธรรมไม่ขาวไม่ดำ ถึงธรรมใสๆ ล่วงลุถึงฌานวิถิอริยะวิถี สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ .........

ธรรมะโดย หลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว

เลื่อนขึ้นไป เริ่มต้นบทความนี้




ธรรมะ โดยหลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว


พัฒนาวัดอริยะธรรม อริยะชน คนเต็มคน

ก็ฝึกคนให้มีอารมณ์ดีงาม จิตใจสดใส รุ่งโรจน์ด้วยสติสัมปชัญญาสติปัญญา เพิ่มพูนบารมีวาสนาดีขึ้นน่าปลื้มใจดีแท้ นี่คุณธรรมนำ ความรู้ตาม สาธุชนบัณฑิตเอย เหล่านี้แลอันว่าด้วยกัลยา ณ ธรรมสู่กัลยาณมิตร มิตรภาพยั่งยืนนานดีๆ อนึ่ง กระแสธรรมะนะยมที่เอาใจใส่ตามกระบวนการฟื้นฟูการทำในใจด้วยอุบายอันแยบคายที่บ่งบอกชี้แนะ ทางใหม่นำชีวิตใหม่ เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ ไม่ต้องซ้ำซากจำเจแบบสังคมพิการ ด้วยคุณธรรมดำมืดอีกต่อไป โดยอตัมมยตาเหตุปัจจัยทำอะไรไม่ได้ พึงรู้จริงเห็นแจ้งตามแบบฉบับนี้ที่เพียงแต่ขอให้คนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนไม่แชเชือนเตือนตนให้พ้นภัย (ภัยกิเลสกรรม ภัยวิบากเวร) สารพัดภัยดั่งที่ได้สาธยายมาดีแล้วทั้งหมดทั้งมวล โดยประการทั้งปวงนี้ ว่าตถตาอัตโนมัติเช่นนั้นเอง

"คนเต็มคน" มีขีดความสามารถดีเลิศ เฉลียวฉลาดตามทางนักปราชญ์ ปรัชญาเมธี เก่ง แกร่งกล้าในทุกสถานการณ์ นำยุค นำสมัยใหม่เสมอ ได้ที่จิตใจไม่เศร้าหมองจากการได้ มี เป็น ชอบเผื่อแผ่แก่ชุมชนทุกทิศทุกทาง จริงแท้ก็ขอให้ใตร่ตรองดู เพ่งพินิจดู เร่งพิสูจน์ดู เป็นสิ่งที่น่าลองดู ลองทำดู เพราะไม่มีผลพ่วงเสียอันก่อเกิดพิษโรคภัยใดๆ ไม่ต้องร้อนใจในภายหลัง

จาก 18 ขั้นตอน และแล้วจิตใจจะแจ่มใส ไร้มลพิษทางใจ กำไรชีวิตที่อมตะ ฉายแสงคุณค่าที่น่าชื่นชมชื่นใจสมฤทัย สภาพธรรมารมณ์มีสาระแท้แน่นอน ไม่ปรวนแปร ธรรมะลีลาไฮเทคนี้นะ เป็นมรดกสืบทอดต่อๆ กันไป โดยอดีต ปัจจุบัน อนาคต ถือว่ามีฉันทานุมัติเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าอะไรกันเน๊าะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ลาภใครลาภมันไม่ว่ากันน้อ ท้วงติงไว้ก่อน จะได้ไม่เร่าร้อน ไม่ต้องชอกชํ้า มิต้องเสียใจภายหลังไง วาทะธรรมอริยะเป็นเพื่อนคู่คิคมิตรคู่ใจที่ไม่ควรลืม มิบังอาจล่วงลํ้ากํ้าเกินในเรื่องส่วนตัว ใดๆ เพราะคู่กรณีมักไม่มีปัญหาในกรณียกิจที่ก่อเกิดเรื่องยุ่งๆ ขึ้นมา ปรากฏเป็นไปก็เพราะมือที่สามเข้าไปแทรก แนวที่ห้าเข้าไปซ้อน ได้ลาภเสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ ได้สรรเสริญถูกนินทา มีสุขทุกข์คละเคล้ากันไป เจริญขึ้นเจริญลง ดีเด่นดังดับ เป็นธรรมดาที่จักต้องมีแก่โลก จำต้องเคารพต่อเหตุผลของมัน ขัดผลประโยชน์ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันนี่นา จงอารี ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันและกันเป็นไป ไม่นานก็ตายจากกัน เผื่อแผ่กัน ยกโทษไม่โกรธตอบ คิดรอบคอบปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่าตายผ่อนส่งนะ เดินตรงตามธรรมดีกว่า ว่าไปตามทำนองคลองธรรม รู้ครองตนบนเส้นทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อน ผ่อนหนัก ผ่อนเบา ผ่อนสั้น ผ่อนยาว รู้ผ่อนคลายความตึงเครียด เจียดเวลาภาวนาสมาธิธรรมชื่นฉํ่าใจไว้นะเออ... อย่าเผลอตัวลืมตน มีสติควบคุมจิตใจไว้ ไม่หลงไหล ไม่หลงไหลในสิ่งอันไร้สาระมิใช่อมตะสาระ ไม่ระรานใจใคร ไม่ก่อศัตรู เชิดชูสามัคคีธรรม จำเริญๆ เถอะนะ

สู่วิถีทางในหลักใจ พัฒนาตัวเองและวิวัฒนาการสืบไป ไม่รกโลก ไม่หนักแผ่นดิน เข้าใจดำเนินเรื่องในระบนสัมผัสเบาๆ ทุกลมหายใจเข้าออก ละเอียดแผ่วเบาซ้อนละเอียดแผ่วเบา ใจหยุดนิ่งสงบซ้อนใจหยุดนิ่งสงบ โดยประคองใจยั้งอยู่สถิตอยู่ที่ธรรมชาติ ธรรมชาติกลางใจเข้าสู่วิมุตอายตนะนิพพาน ในใจศาสนาโดยเจตนาดี เพื่อเสริมต่อสันติสุขสันติภาพอาบชีวิตจิตใจไว้ได้ตลอดกาล "เค้าคัมภีร์อริยะชนส่องโลก" จากแก่นศิลปศาสตร์ทำทางใหม่ธรรมจรรยา ร.พ.ส. จริยธรรมนำชีวิต ต.จ.ส.ด. ดึงใจกลับมาก่อน อย่าปล่อยใจไหลไปในอารมณ์ใดๆ ผ่อนพักใจเถอะนะคนดี ที่ 11/2506 ญัตติรอบแรก เชียงใหม่ 32 พรรษา หนังสือสุทธิสังกัดวัดเมืองมาง ประมาณอริยทรัพย์แจกประชาชนคนยาก เปิดรายการขุดขุมทรัพย์ไง ทรัพย์อริยชน รู้แก้ไข ใจก้าวหน้า ทบทวนอีกทีให้ละเอียดถ้วนถี่ ที่ 30/2538 ญัตติรอบสอง ราชบุรี 33 พรรษา เคร่งตบะสังกัดวัดหนองหอย ต.เขาแร้ง อ.เมือง ร.พ.ส.วิเคราะห์วิจารณ์วิพากษ์สังเคราะห์ประยุกต์ผสมผสานให้ดีมีคุณค่า ต.อ่างทอง พรรษาที่ 34 วัดปากอ่างสวนมะม่วง วิปัสสนาสถาน อุทัยทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร

ธรรมะโดย หลวงปู่ตุ๊เจ้าเสือดาว

เลื่อนขึ้นไป เริ่มต้นบทความนี้